วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แผนการสอนที่1

คำอธิบาย: คำอธิบาย: 118263578 copy
 


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1


 


รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ                                                            ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5     Unit 1  Places                        เวลา 4 ชั่วโมง

   1. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
   
มาตรฐาน ต 1.1 ม.5/1  ปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือการใช้งานต่างๆ คำชี้แจง คำอธิบาย และคำบรรยายที่ฟังและอ่าน
มาตรฐาน ต 1.1 ม.5/2  อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครสั้น (skit) ถูกต้องตามหลักการอ่าน
มาตรฐาน ต 1.1 ม.5/4  จับใจความสำคัญ  วิเคราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจากการฟังและอ่านเรื่องที่เป็นสารคดี และบันเทิงคดี พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 ม.5/1  สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่างๆ ใกล้ตัว ประสบการณ์  สถานการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ ประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม และสื่อสารอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 ม.5/1  พูดและเขียนนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เรื่องและประเด็นต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจของสังคม
มาตรฐาน ต 1.3 ม.5/3  พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์ ทั้งในท้องถิ่น สังคม และโลก พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ
มาตรฐาน ต 2.1 ม.5/1  เลือกใช้ภาษา น้ำเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกับระดับของบุคคล โอกาส และสถานที่  ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา  
มาตรฐาน ต 2.1 ม.5/3  เข้าร่วม แนะนำ และจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 2.2 ม.5/1  อธิบาย/เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สำนวน คำพังเพย สุภาษิต และบทกลอนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย
มาตรฐาน ต 4.1 ม.5/1  ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลอง ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา  ชุมชน และสังคม
มาตรฐาน ต 4.2 ม.5/2  เผยแพร่/ประชาสัมพันธ์ ข้อมูล ข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่น/ประเทศชาติ เป็นภาษาต่างประเทศ

   2. เป้าหมายการเรียนรู้/ความเข้าใจที่คงทน (Learning Outcomes / Enduring Understanding)

       2.1   พูดถาม - ตอบเกี่ยวกับสถานที่ที่เคยไปและสถานที่ที่ต้องการจะไปได้
       2.2   เขียนเรื่องตามชื่อเรื่องที่กำหนดให้ได้
   3.      สิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติได้ (Important to know and to do)

3.1   ออกเสียง สะกด บอกความหมายของคำศัพท์/วลีเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ และนำไปใช้ได้ถูกต้อง                              
3.2   แสดงความคิดเห็นและให้เหตุผลเกี่ยวกับสถานที่ที่ต้องการจะไปและไม่ต้องการจะไปได้
3.3   อ่านคู่มือท่องเที่ยวแล้วจับใจความสำคัญ ตอบคำถาม และเลือกประโยคสรุปสำหรับแต่ละย่อหน้าได้ถูกต้อง   
3.4   นำคำศัพท์จากคู่มือท่องเที่ยวที่อ่านมาเติมลงในประโยคได้ถูกต้อง
3.5   จับคู่คำศัพท์กับความหมายที่ถูกต้องตามบริบท (context) ในบทอ่านได้
3.6   เลือกหน่วยหน้าศัพท์หรืออุปสรรค (prefix) dis-, ir- และ un- เติมลงหน้าคำศัพท์ได้ถูกต้อง และเลือกวงกลมคำที่เติม prefix แล้วมีความหมายในเชิงลบ/ปฏิเสธ (negative) ได้
3.7   ศึกษาตัวอย่างและทบทวนหลักการใช้ Simple Past, Present Perfect และ Present Perfect Continuous แล้วตอบคำถาม สรุปหลักการใช้ และเติมลงในประโยคได้ถูกต้อง
3.8   จับใจความสำคัญของบทสนทนาที่ฟังและตอบคำถามได้ถูกต้อง
3.9   ศึกษาตัวอย่างและหลักการใช้ has been to, has gone to, for และ since แล้วตอบคำถาม สรุปหลักการใช้ และเติมลงในประโยคได้ถูกต้อง
3.10 อ่านตัวอย่างงานเขียนเกี่ยวกับประสบการณ์วันหยุดเรื่อง แปลกแต่จริง (Strange but True)” และเติมคำ/วลี เพื่อเชื่อมโยงเวลาและเหตุการณ์ได้ถูกต้อง  
        
   4.                                                                                    สิ่งที่ควรค่าแก่การเรียนรู้ (Worth being familiar with)

       ข้อมูล / ความรู้เกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ

   5.      คำถามสำคัญ (Essential Questions)

5.1   Have you ever been overseas? If you have, where did you go?
5.2   If you haven’t, where would you like to visit? What do you think you will see and do there?
5.3   Have you ever heard of a strange but true story of a place? If you have, where is the place? If you were asked to tell a ”strange but true” story, how would you organize your story outline? (If you haven’t, invent one.)
a.  How would you start your story?
b.  How would you continue your story and lead to the crisis point or climax?
c.   How would you describe the climax and the resolution?
d.  What happened in the end?

   6.                                                        สิ่งที่นักเรียนต้องได้รับการพัฒนา
                            
         6.1    ทักษะกระบวนการ
                   - กระบวนการกลุ่ม            
              - กระบวนการคิด          
              - กระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง
         6.2    คุณลักษณะอันพึงประสงค์
              - ซื่อสัตย์สุจริต
              - มีวินัย
              - ใฝ่เรียนรู้
              - รักความเป็นไทย                     
       6.3   สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
                   - ความสามารถในการสื่อสาร (Communication Capacity)
              - ความสามารถในการคิด (Thinking Capacity)      
              - ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต (Capacity for Applying Life Skills)
              - ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (Capacity for Technological Application)

   7. ผลงานที่ได้จากการเรียนรู้และปฏิบัติ

7.1   การพูดถาม - ตอบเกี่ยวกับสถานที่ที่เคยไปและสถานที่ที่ต้องการจะไป
7.2   ผลงานเขียนเรื่องตามชื่อเรื่องที่กำหนดให้ 

   8.      การวัดและประเมินผล (Evaluation)
             

สิ่งที่ต้องการวัดและประเมิน

 

วิธีการวัด

และประเมิน


เครื่องมือวัด
และประเมิน

เกณฑ์การวัด
และประเมิน

ความรู้และทักษะด้านคำศัพท์

สิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติได้

3.1  ออกเสียง สะกด บอกความหมายของ
      คำศัพท์/วลีเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ และ
      นำไปใช้ได้ถูกต้อง


ตรวจสอบอย่าง
ไม่เป็นทางการ



กิจกรรม A, D, E, F

 


ปฏิบัติได้ในระดับดี-ดีมาก

3.2  แสดงความคิดเห็นและให้เหตุผลเกี่ยวกับ

      สถานที่ที่ต้องการจะไปและไม่ต้องการจะ

      ไปได้

การให้โจทย์หรือประเด็นปัญหาที่ให้นักเรียนขบคิด

กิจกรรม A

ปฏิบัติได้ในระดับดี-ดีมาก
3.4  นำคำศัพท์จากคู่มือท่องเที่ยวที่อ่านมาเติม
      ลงในประโยคได้ถูกต้อง
ตรวจสอบอย่าง

ไม่เป็นทางการ

กิจกรรม D

ปฏิบัติได้ในระดับดี-ดีมาก




สิ่งที่ต้องการวัดและประเมิน

วิธีการวัด
และประเมิน

เครื่องมือวัด
และประเมิน

เกณฑ์การวัด
และประเมิน
ความรู้และทักษะด้านคำศัพท์ (ต่อ)
สิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติได้
3.5  จับคู่คำศัพท์กับความหมายที่ถูกต้องตาม
      บริบท (context) ในบทอ่านได้


สังเกต/พูดคุย



กิจกรรม E



ปฏิบัติได้ใน
ระดับดี-ดีมาก
3.6  เลือกหน่วยหน้าศัพท์หรืออุปสรรค (prefix)
      dis-, ir- และ un- เติมลงหน้าคำศัพท์ได้
      ถูกต้อง และเลือกวงกลมคำที่เติม prefix แล้ว
      มีความหมายในเชิงลบ/ปฏิเสธ (negative) ได้
ทดสอบย่อย
กิจกรรม F
ตอบถูก 8 ข้อจาก 10 ข้อ
ความสามารถและทักษะการอ่าน
สิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติได้
3.3  อ่านคู่มือท่องเที่ยวแล้วจับใจความสำคัญ
      ตอบคำถาม และเลือกประโยคสรุปสำหรับ
      แต่ละย่อหน้าได้ถูกต้อง


ตรวจสอบอย่าง
ไม่เป็นทางการ


กิจกรรม B, C



ปฏิบัติได้ในระดับดี-ดีมาก
ความรู้และทักษะทางไวยากรณ์
สิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติได้
3.7  ศึกษาตัวอย่างและทบทวนหลักการใช้
      Simple Past, Present Perfect และ
      Present Perfect Continuous แล้วตอบ
      คำถาม สรุปหลักการใช้ และเติมลงใน
      ประโยคได้ถูกต้อง


- ตรวจสอบอย่าง
  ไม่เป็นทางการ
- ทดสอบย่อย


- กรอบ Grammar
  Link
- กิจกรรม G




- ปฏิบัติได้ใน
  ระดับดี-ดีมาก
- ตอบถูก 6 ข้อ
  จาก 7 ข้อ
3.9  ศึกษาตัวอย่างและหลักการใช้ has been to,
      has gone to, for และ since แล้วตอบคำถาม
      สรุปหลักการใช้ และเติมลงในประโยคได้
      ถูกต้อง                    
- ตรวจสอบอย่าง
  ไม่เป็นทางการ
- ทดสอบย่อย
- กรอบ Grammar
  Link
- กิจกรรม I
- กิจกรรม J

- ปฏิบัติได้ใน
  ระดับดี-ดีมาก
- ตอบถูกทุกข้อ
- ตอบถูก 4 ข้อ
  จาก 5 ข้อ
ความสามารถและทักษะการฟัง
สิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติได้
3.8  จับใจความสำคัญของบทสนทนาที่ฟังและ
      ตอบคำถามได้ถูกต้อง


ทดสอบย่อย


กิจกรรม H


ตอบถูก 4 ข้อจาก 5 ข้อ




สิ่งที่ต้องการวัดและประเมิน

 

วิธีการวัด

และประเมิน


เครื่องมือวัด
และประเมิน

เกณฑ์การวัด
และประเมิน
ความสามารถและทักษะการเขียน
สิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติได้
3.10 อ่านตัวอย่างงานเขียนเกี่ยวกับประสบการณ์
       วันหยุดเรื่อง แปลกแต่จริง (Strange but
       True)” และเติมคำ/วลี เพื่อเชื่อมโยงเวลา
       และเหตุการณ์ได้ถูกต้อง


สังเกต/พูดคุย


กิจกรรม L


ปฏิบัติได้ในระดับดี-ดีมาก
สิ่งที่นักเรียนได้รับการพัฒนา
- เจตคติต่อการเรียนรู้
- ทักษะกระบวนการ
- คุณลักษณะอันพึงประสงค์
- สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
สังเกต สอบถาม และบันทึกขณะนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ การนำเสนอทั้งการพูดและการเขียน
แบบบันทึกผลการจัดการเรียนรู้

แสดงออกถึงการพัฒนาในระดับดี-ดีมาก

เป้าหมายการเรียนรู้



 

ความสามารถและทักษะการพูด

- พูดถาม - ตอบเกี่ยวกับสถานที่ที่เคยไปและ
  สถานที่ที่ต้องการจะไปได้




ลงมือปฏิบัติ/โครงงาน

- กิจกรรม K

- แบบประเมิน
  การพูด

 

- ปฏิบัติได้ใน
  ระดับดี-ดีมาก
- คะแนนเมื่อ
  เทียบกับเกณฑ์

ความสามารถและทักษะการเขียน

- เขียนเรื่องตามชื่อเรื่องที่กำหนดให้ได้
 


ลงมือปฏิบัติ/โครงงาน

- กิจกรรม M

- แบบประเมิน
  การเขียน

 

- ปฏิบัติได้ใน
  ระดับดี-ดีมาก
- คะแนนเมื่อ
  เทียบกับเกณฑ์

   9. สาระการเรียนรู้

         9.1    คำศัพท์ (Vocabulary)
- anticipate (v)           to expect something (คาดหวัง, คาดคะเน)      
- arch (n)                  a curved structure that supports the weight of a bridge or building  (โครงสร้างที่มีรูปโค้ง)
- available (adj)         being able to find or obtain (ที่มีหรือหาได้)    
- breathtaking (adj)    very impressive, surprising, or exciting (น่าตื่นเต้น, น่าอัศจรรย์ใจ)
- colony (n)               a country or an area that is governed by a more powerful, and often distant country (อาณานิคม)
- community (n)         all the people who live in the same area, town, country etc. (ชุมชน)
- confinement (n)       the state of being forced to stay in a prison or another place which you cannot leave (การถูกคุมขัง หากรวมกับคำว่า solitary จะเป็น solitary confinement  หมายถึง การขังเดี่ยว เช่น การขังนักโทษเพื่อเป็นการลงโทษ)
- convict (n)              someone who has been found guilty of a crime and sent to prison (นักโทษ, ผู้ที่ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด)
- diet (n)                   the food that you eat and drink regularly (อาหาร หากเป็น on a diet หมายถึง การจำกัดอาหาร)
- dominate (v)           to be so big or high that it is easier to notice than anything else in a place (อยู่เหนือ, ใหญ่หรือสูงตระหง่านเหนือ)
- hydrofoil (n)            a boat with wing-shaped parts on the bottom that lift it above the surface of the water when it is travelling fast (เรื่อไฮโดรฟอยล์ เป็นเรือเร็วขนาดใหญ่ซึ่งมีปีกอยู่ใต้น้ำช่วยยกตัวเรือขึ้นเหนือน้ำขณะที่แล่น และสร้างแรงผลักทำให้สามารถแล่นด้วยความเร็วสูงได้)
- imprisonment (n)     the state of being in prison or another place from which somebody cannot escape (การจำคุก, การคุมขัง)
- inhabitant (n)          a person who lives in a place (ผู้อยู่อาศัย ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง)
- landmark (n)           a building or feature which is easily noticed and can be used to judge your position or the position of other buildings or features (จุดบอกตำแหน่ง, จุดสังเกต)
- (the) locals (n)         people belonging to the area you are talking about (ผู้คนที่อาศัย ณ ที่นั้นๆ, คนในท้องถิ่น)
- night owl (n)           someone who regularly stays up late at night, or who prefers to work at night (คนทำงานช่วงกลางคืน, คนชอบนอนดึกหรือเที่ยวตอนกลางคืน)
- overseas (adv)        to or in a foreign country that is across the sea from your country  (ต่างประเทศ, ต่างแดน)
- pace (n)                 the speed at which something happens or is done (ก้าว, ช่วงจังหวะของการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า)
- revolving (adj)         able to turn in a circle or move around a central point (หมุน)
- solitary (adj)            spending a lot of time alone (โดดเดี่ยว, ลำพัง)
- spectacular (adj)      very grand and impressive (น่าตื่นตาตื่นใจ, น่าประทับใจ)

         9.2    การออกเสียง (Pronunciation)
              - การออกเสียง -ed ที่เติมท้ายคำกริยา สามารถออกเสียงเป็น /t/, /d/, /ɪd/ ได้ โดยมีกฎการ
                 ออกเสียงดังนี้      
                 1)  -ed ออกเสียงเป็น /t/ เมื่อ -ed ตามหลังคำกริยาที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะเสียงไม่ก้องทุกเสียง
                     ได้แก่ /p/, /k/, /tʃ/, /f/, /θ/, /s/, /ʃ/, /h/ (ยกเว้นเสียง /t/)
                      2)  -ed ออกเสียงเป็น /d/ เมื่อ -ed ตามหลังคำกริยาที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะเสียงก้องทุกเสียง
                     ได้แก่ /b/, /g/, /dʒ/, /m/, /n/, /ŋ/, /v/, /ð/, /z/, /ʒ/, /l/, /w/, /r/, /j/
                     (ยกเว้นเสียง /d/)
                      3)  -ed ออกเสียงเป็น /ɪd/ เมื่อ -ed ตามหลังคำกริยาที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะเสียง /t/ หรือ
                     /d/
                      4)  ฝึกการออกเสียง /t/, /d/, /ɪd/
       /t/                            /d/                         /ɪd/
                            passed                       arrived                     founded                            
                            stopped                      showed                    dominated
                            looked                        described                 wanted     

              - ตารางแสดงสัทอักษร (phonetic symbols) สำหรับหน่วยเสียงพยัญชนะ
                                          
                                    Voiced Consonants                               Voiceless Consonants

สัทอักษร
ตัวอย่างคำ

สัทอักษร
ตัวอย่างคำ
/b/
book

/p/
pen
/d/
day

/t/
town
/g/
get

/k/
cat
/dʒ/
jam

/tʃ/
chin
/m/
man

/f/
fan
/n/
now

/θ/
thin
/ŋ/
sing

/s/
say
/v/
van

/ʃ/
she
/ð/
this

/h/
hat
/z/
zoo



/ʒ/
vision



/l/
look



/w/
we



/r/
run



/j/
yes



             
              - สัทอักษร (phonetic symbols) ที่ใช้ในพจนานุกรม Oxford Advanced Learner’s Dictionary และ
                 Longman Dictionary of Contemporary English จะเหมือนกัน แต่อาจมีบางตัวแตกต่างจากที่ใช้
                 ใน Webster’s New World Dictionary of the American Language เนื่องจากพจนานุกรมบางเล่ม
                 อาจใช้สัทอักษรต่างไปจากสัทอักษรสากล (IPA phonetic symbols) ซึ่งผู้ใช้สามารถเทียบเสียงอ่าน
ได้จากคำอธิบาย/คำแนะนำเรื่องการออกเสียงและการใช้อักษรแทนเสียงได้ในหน้าแรกๆ หรือหน้าหลังสุดของพจนานุกรมนั้นๆ

         9.3    โครงสร้างทางไวยากรณ์ (Grammar)
  -         Simple Past, Present Perfect และ Present Perfect Continuous
  - has been to, has gone to, for และ since

         9.4    หน้าที่ทางภาษา (Functions of the Language)
-  Giving personal information about overseas travel
- Writing a story with the title provided

         9.5    วัฒนธรรม (Culture)
นักเรียนอาจคุ้นชื่อนครซิดนีย์มากขึ้นตั้งแต่เมืองนี้ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี ค.ศ. 2000 สำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถหาข้อมูลที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับเมืองนี้ได้ที่ www.australia.com ซึ่งจะได้เห็นภาพถ่ายสถานที่ต่างๆ ที่สวยงามของเมืองด้วย ซิดนีย์เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดของประเทศออสเตรเลีย มีปากอ่าวและอาคารโอเปราเฮาส์ที่สวยงามและโด่งดัง เป็นที่รู้จักของผู้คนมากมาย (อย่างน้อยที่สุดคือจากภาพบนไปรษณียบัตร) และถึงแม้นครซิดนีย์จะเป็นชุมชนเมืองแต่ก็ใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างมาก เนื่องจากมีอุทยานแห่งชาติอยู่หลายแห่ง สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวนครซิดนีย์ไม่ควรพลาดชมสถานที่จัดกีฬาโอลิมปิก ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่าสนใจและน่าจดจำ           

         9.6    กลวิธีการเรียนรู้ (Learning Strategies)
                 - Reading for detail
             - Listening for main points         

      9.7    ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น
             - กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม

  10. สื่อและแหล่งเรียนรู้
                       
       10.1 หนังสือเรียน BRIDGE Student Book 5 Unit 1
       10.2 หนังสือแบบฝึกหัด BRIDGE Workbook 5 Unit 1
       10.3 ซีดีบันทึกเสียง Audio CD BRIDGE 5 Unit 1
       10.4 พจนานุกรมอังกฤษ อังกฤษ
       10.5 เว็บไซต์ www.australia.com       
  11. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
             
       11.1  ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน (Warm up)
- ครูซักถามนักเรียนว่า ประเทศอะไรที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก
T:  Which country is the sixth-largest nation after Russia, Canada, China, the United States and Brazil?
- หากนักเรียนไม่สามารถตอบได้ ครูให้ข้อมูลต่อไปว่า
T:  Its mainland is the world’s largest island - but smallest continent.
- เมื่อนักเรียนช่วยกันคิดจนได้คำตอบว่า ประเทศออสเตรเลีย ครูถามต่อไปว่าสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศนี้คืออะไร เมืองหลวงคือเมืองอะไร และเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือเมืองใด
T:     What animal is the national symbol of Australia?
S:     A Kangaroo.
T:     What is the capital city of Australia?
S:     Canberra.
T:     What city is the most famous in Australia?
S:     Sydney
                   Learning Link
                             ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้โดยให้นักเรียนทุกคนอ่านกรอบ Learning Link หน้า 5 เพื่อ
              ให้ทราบว่านักเรียนต้องรู้และปฏิบัติอะไรได้บ้างใน Unit 1 ดังนี้
              - คำและวลีที่ใช้ในการพูดเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ
              - พูดถาม - ตอบเกี่ยวกับสถานที่ที่เคยไปและสถานที่ที่ต้องการจะไป
              - เขียนเรื่องตามชื่อเรื่องที่กำหนดให้
              - ใช้ Simple Past, Present Perfect, Present Perfect Continuous, for และ since ได้ถูกต้อง
A   Have you ever been to places like the ones in the photographs? Would you like to go to any of the places in the photographs? Give reasons why or why not.
- ครูให้นักเรียนดูภาพ A - C ในกิจกรรมข้อ A และถามนักเรียนว่า นักเรียนรู้จักสถานที่ในภาพหรือไม่ นักเรียนอาจตอบได้บางข้อ เช่น ข้อ B หรือ C ครูเฉลยคำตอบว่าภาพ A คือ Schwabich Hall, Baden-Wurttenberg ในประเทศเยอรมนี ส่วนภาพ B คือ New York City และภาพ C คือ Scotland
- จากนั้นให้นักเรียนจับคู่อภิปรายเกี่ยวกับสถานที่ในภาพ โดยเริ่มจากถามคู่ของตนเองว่า เคยไปสถานที่ดังเช่นในภาพหรือไม่ ต้องการจะไปสถานที่ใด เหตุใดจึงต้องการไป/ไม่ต้องการไปสถานที่นั้น ครูกระตุ้นให้นักเรียนให้เหตุผลในการเลือก
- เมื่อนักเรียนทุกคู่อภิปรายเสร็จแล้ว ครูเลือกนักเรียนบางคู่ให้ออกมาพูดและบอกเหตุผลของตนเองให้เพื่อนๆ ในชั้นได้ฟังด้วย

Classroom language:
T:  Look at the photos A , B and C. Do you know the places in the photos?
S:  Yes. / No.
T:  The place in photos A is Schwabich Hall. Can you guess where it is?
S:  ………………
T:  It is in Baden-Wurttenberg, Germany. And the places in photos B and C are New York City and Scotland. Would you like to go to any of the places in the photos?
S:  Yes, I would like to go to ………..  / No, I don’t want to go to ……….. 
T:  Please work in pairs. Give reasons for your choices, why do you want to go there or why don’t you want to go there?

         11.2  ขั้นนำเสนอความรู้ (Presentation)
              Reading Link
B   Read the travel guide quickly to find out where you would go in Sydney to see the whole city.
- ให้นักเรียนแต่ละคนอ่านคู่มือท่องเที่ยวในกิจกรรมข้อ B เพื่อหาคำตอบของคำถามนำ “Where would you go in Sydney to see the whole city?” ครูเตือนว่าในกิจกรรมนี้นักเรียนควรใช้วิธีการอ่านอย่างผ่านๆ (skimming) โดยไม่จำเป็นต้องหารายละเอียดอื่นๆ และบอกให้นักเรียนอ่านบทอ่านตลอดทั้งเรื่องก่อนตอบคำถามและไม่ต้องกังวลกับคำศัพท์ที่ยังไม่ทราบความหมาย
- ครูสุ่มเรียกนักเรียนบางคนบอกคำตอบของตนเอง แล้วจึงเฉลยคำตอบที่ถูกต้อง (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม)

Classroom language:
T:  You have to read “Welcome to Sydney!” to find the answer but you don't have to read for more detail. You should skim the text quickly to find only the answer to the lead-in question, “Where would you go in Sydney to see the whole city?”

C   Now read the travel guide and choose which sentence best summarizes paragraphs 1 - 5.
- ครูแบ่งนักเรียนทั้งชั้นออกเป็น 5 กลุ่ม แล้วมอบหมายให้แต่ละกลุ่มอ่านคู่มือท่องเที่ยวในกิจกรรมข้อ B กลุ่มละ 1 ย่อหน้า จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนประโยคสรุปเนื้อหาในย่อหน้าของตนเอง   
- เมื่อนักเรียนทุกกลุ่มเขียนประโยคสรุปเสร็จแล้ว ให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาอ่านประโยคสรุปของกลุ่มตนเองให้เพื่อนๆ ในชั้นฟัง หลังจากนั้นให้นักเรียนทุกคนทำกิจกรรมข้อ C อย่างเร็วโดยใช้ข้อมูลจากประโยคสรุปทั้งหมด แล้วตรวจคำตอบพร้อมครู เพื่อตรวจสอบว่าประโยคสรุปของนักเรียนแต่ละกลุ่มถูกต้องหรือไม่ หากประโยคสรุปทั้งหมดถูกต้อง นักเรียนจะสามารถหาคำตอบได้โดยง่าย (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม)
- จากนั้นให้นักเรียนแต่ละคนอ่านเนื้อหาในคู่มือท่องเที่ยวโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ครูแนะให้นักเรียนฝึกการเดาคำศัพท์ที่ไม่ทราบความหมายจากบริบทแวดล้อม (context) และแนะให้นักเรียนดูคำ/วลี สำคัญ (key word / key phrase) ในแต่ละข้อ เช่น ข้อ A คำสำคัญคือ sights และ by sea ซึ่งเป็นสิ่งที่กล่าวถึงในย่อหน้าที่ 2 ดังนั้นข้อ A จึงเป็นประโยคสรุปของย่อหน้าที่ 2 เป็นต้น
  
Classroom language:
T:  You have to be divided into five groups. Each group read one section of the text. Then you write a summarizing sentence for the paragraph. When all the groups are ready, read your summaries to the class. Then do the task quickly, based on the information you have received from the other groups.

                   Vocabulary Link
D   Complete the sentences with words from the travel guide. (HINT: they are all people!)
- ก่อนทำกิจกรรมข้อ D ครูชูบัตรคำศัพท์ แล้วบอกให้นักเรียนพูดออกเสียงตามครู จากนั้นครูยกตัวอย่างประโยคที่มีคำศัพท์นั้นบนกระดาน
inhabitant   ®     We live in Thailand so we are the inhabitants of Thailand.
night owl    ®      Sompong is a night owl. He never goes to bed before midnight.
convict       ®     A convict escaped from prison in Bangkok last night.
visitor         ®     The Dusit Zoo attracts 100,000 visitors a year.
locals         ®     The locals of Chiang Mai are very friendly.
tourist        ®     Five million foreign tourists visit Thailand in a year.
- ครูตรวจสอบความเข้าใจคำศัพท์โดยซักถามความหมายของคำศัพท์จากนักเรียนทั้งชั้น
- จากนั้นให้นักเรียนทุกคนย้อนกลับไปอ่านคู่มือท่องเที่ยวในกิจกรรมข้อ B อย่างเร็วอีกครั้ง เพื่อหาคำตอบข้อ 1 - 6 โดยครูย้ำกับนักเรียนว่า คำตอบของทุกข้อเป็นคำศัพท์เกี่ยวกับบุคคล
- เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ครูสุ่มเรียกนักเรียนบางคนบอกคำตอบทีละข้อจนครบ ข้อใดที่นักเรียนตอบผิด ครูเฉลยคำตอบที่ถูกต้อง (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม)
E    Match these words from paragraph 2 with their meanings.
- ครูเขียนคำศัพท์ทั้ง 6 คำนี้บนกระดาน
     spectacular             landmark                anticipate  
     solitary                   confinement            available
  แล้วบอกให้นักเรียนทุกคนอ่านคู่มือท่องเที่ยวในกิจกรรมข้อ B ย่อหน้าที่ 2 และขีดเส้นใต้คำศัพท์ทั้ง 6 คำที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง
- ครูให้นักเรียนอ่านประโยคที่คำศัพท์แต่ละคำปรากฏอยู่ แล้วสนทนาถึงความหมายของคำศัพท์ทั้ง 6 คำ โดยครูอาจให้นักเรียนบอกความหมายเป็นภาษาไทยก็ได้
- จากนั้นให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดต่อไปนี้เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับคำศัพท์ทั้ง 6 คำดังกล่าว

     Fill in the blanks with the correct words.
         spectacular             landmark                anticipate         
         solitary                   confinement            available
     1. New Zealand has _______ scenery.
     2. The Empire State Building is a familiar _______ in New York.
     3. We _______ that sales will rise next year.
     4. She enjoys long _______ walks.
     5. He took many years of _______ as a political prisoner.
     6. Tickets are _______ free of charge from the school.
     Answer: 1.  spectacular               4.  solitary
                 2.  landmark                  5. confinement
                 3. anticipate                  6. available
- เมื่อนักเรียนเข้าใจความหมายของคำศัพท์ทั้ง 6 คำแล้ว ให้นักเรียนทุกคนจับคู่คำศัพท์กับความหมายในกิจกรรมข้อ E ให้ถูกต้อง จากนั้นครูสุ่มเรียกนักเรียน 6 คนบอกคำตอบทีละข้อจนครบ (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม)  
F    Write in the correct prefix, dis-, ir- or un-, to change these words from the travel guide. (You will have to make a small change to one of the words!) Then circle the words that have become negative.
- ครูเขียนคำศัพท์ต่อไปนี้บนกระดาน
  courage     -         discourage
  regular       -         irregular
  happy        -         unhappy
  polite         -         impolite
  legal          -         illegal
- ครูอ่านออกเสียงคำศัพท์ทีละคํา แล้วให้นักเรียนทุกคนอ่านออกเสียงตาม
- ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า ความหมายของคําศัพท์จะเปลี่ยนไปเมื่อเติมหน่วยหน้าศัพท์หรือปัจจัย (prefixes) หน้าคําศัพท์คำนั้นๆ ซึ่งหน่วยหน้าศัพท์ในบทนี้เมื่อเติมหน้าคำศัพท์แล้วจะทำให้ความหมายเปลี่ยนจากเชิงบวกเป็นเชิงลบ แต่ไม่เป็นเช่นนี้ทุกคำ อาจมีหน่วยหน้าศัพท์บางคำเมื่อเติมแล้วจะมีความหมายเชิงบวก
- ให้นักเรียนทุกคนเลือกหน่วยหน้าศัพท์ dis-, ir- หรือ un- เติมหน้าคำศัพท์ในกิจกรรมข้อ F ให้ถูกต้อง แล้ววงกลมล้อมรอบคำศัพท์ใหม่ที่มีความหมายเชิงลบ เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ครูสุ่มเรียกนักเรียนบางคนบอกคำตอบของตนเอง แล้วจึงตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม) และถามนักเรียนว่าคำศัพท์ใหม่คำใดบ้างที่มีความหมายเชิงลบ

 
Classroom language:
T:  If we add a prefix, the word can be changed in meaning. The prefixes in this unit are often used to change a word from positive to negative, but that is not always the case. So you have to do task F by putting the right prefixes and after that state which of the new words are negative.

                   Grammar Link
- ครูยกตัวอย่างประโยค Simple Past ดังนี้
T: Julius Caesar invaded Britain in 55 BC.
แล้วซักถามนักเรียนทั้งชั้นดังนี้
T: When did Julius Caesar invade Britain?
  S: In 55 BC.
  T: Is he invading Britain now?
  S: No.
  และพูดสรุปหลักการใช้ประโยค Simple Past ดังนี้
  T:  We use the Simple Past to describe completed action in the past.
- ครูยกตัวอย่างประโยค Present Perfect ดังนี้
T:  We have already seen the film but they haven't seen it yet.
แล้วซักถามนักเรียนทั้งชั้นดังนี้
T:  Did we see the film?
S:  Yes.
T:  When did we see the film?
S:  We don't know.
และพูดสรุปหลักการใช้ประโยค Present Perfect ดังนี้
T:  We use the Present Perfect to talk about completed actions or states when the time is not mentioned or is not important. 
- ครูยกตัวอย่างประโยค Present Perfect Continuous ดังนี้
T:  They've been learning how to play chess for two days.
     แล้วซักถามนักเรียนทั้งชั้นดังนี้
T:  Are they still learning how to play chess?
S:  Yes.
     และพูดสรุปหลักการใช้ประโยค Present Perfect Continuous ดังนี้
T:  We use the Present Perfect Continuous to talk about how long something has been in progress.
- ให้นักเรียนทุกคนอ่านตัวอย่างประโยคในกรอบ Grammar Link หน้า 7 และตอบคำถามให้ถูกต้องแล้วเติม Tenses ที่ถูกต้องลงในช่องว่างใต้กรอบ Complete the rules. เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมเสร็จแล้วครูพูดถาม-ตอบกับนักเรียนทั้งชั้นเพื่อตรวจคำตอบ (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม)
- ให้นักเรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ 4 - 5 คน ช่วยกันแต่งประโยค Simple Past, Present Perfect, Present Perfect Continuous ชนิดละ 1 ประโยค เมื่อนักเรียนแต่งประโยคเสร็จครบทุกกลุ่มแล้ว ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาเขียนประโยคบนกระดาน ครูและนักเรียนทั้งชั้นช่วยกันตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้องหากพบข้อผิดพลาด
- หลังจากนั้นให้นักเรียนทุกคนอ่านโครงสร้างทางไวยากรณ์และตัวอย่างประโยคเพิ่มเติมในหัวข้อ Grammar Reference ข้อ 1.1 และ 1.2 หน้า 109 พร้อมครู ครูอธิบายประเด็นที่นักเรียนยังเข้าใจไม่ชัดเจนเพิ่มเติมและตอบคำถามของนักเรียน แล้วบอกให้นักเรียนแต่ละคนทำกิจกรรมข้อ G ด้วยตนเองต่อไป

         11.3  ขั้นฝึกปฏิบัติ (Practice)
G   Complete the sentences with the correct form of the verbs in parentheses. Use the Simple Past, the Present Perfect or the Present Perfect Continuous.
- ก่อนทำกิจกรรมข้อ G ครูต้องแน่ใจว่า นักเรียนทุกคนได้ศึกษาโครงสร้างทางไวยากรณ์และตัวอย่างประโยคในหัวข้อ Grammar Reference ข้อ 1.1 และ 1.2 หน้า 109 เรียบร้อยแล้ว
- ให้นักเรียนทุกคนเขียนรูปกริยาที่ถูกต้องลงในช่องว่างในกิจกรรมข้อ G ให้ได้ประโยคสมบูรณ์และถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ครูขอนักเรียนอาสาสมัครอ่านประโยคพร้อมคำตอบของตนเอง แล้วจึงเฉลยคำตอบที่ถูกต้องพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม)
- ครูถามนักเรียนทั้งชั้นว่า กรณีแปลความหมายของประโยคทั้งหมดเป็นภาษาไทย นักเรียนคิดว่านักเรียนจะแปลความหมายของรูปกริยาแต่ละข้อเหมือนกันหรือไม่ (คำตอบ: ไม่) ถึงแม้ว่าจะมีการใช้รูปกริยาเหล่านี้ในภาษาไทย แต่รูปกริยาแต่ละรูปย่อมมีวิธีการแปลความหมายที่แตกต่างกัน  
                   Listening Link
H   Listen to some people talking in different places. Listen for the main point of each part and choose the best answer, a, b or c.
- ครูบอกให้นักเรียนทั้งชั้นฟังว่า ในกิจกรรมการฟังข้อ H นี้นักเรียนจะได้ฝึกฟังเพื่อจับประเด็นสำคัญจากสิ่งที่ฟัง
- ให้นักเรียนทุกคนขีดเส้นใต้ส่วนของคำถามซึ่งแสดงถึงสิ่งที่นักเรียนกำลังจะได้ฟัง และควรขีดเส้นใต้ทุกคำถาม ไม่ควรขีดเส้นใต้คำบรรยายสถานการณ์ เพราะบ่อยครั้งที่นักเรียนมักให้ความสนใจต่อประเด็นที่ผิดขณะฟัง ดังนั้นการขีดเส้นใต้คำถามจึงเป็นวิธีการฝึกฟังที่ดีที่จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจว่า นักเรียนไม่ต้องสนใจว่าบุคคลใดจะเป็นผู้พูดหรือสถานการณ์เกิดขึ้นที่ใด สิ่งที่สำคัญมากๆ ระหว่างทำกิจกรรมการฟังคือ นักเรียนจะต้องเข้าใจสิ่งที่กำลังฟังว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องใด
- ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงให้นักเรียนฟัง 2 ครั้ง และบอกให้นักเรียนจับประเด็นสำคัญจากสิ่งที่ฟัง แล้วเลือกคำตอบในกิจกรรมข้อ H ให้ถูกต้อง เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ครูพูดอภิปรายคำตอบร่วมกับนักเรียนทั้งชั้น พร้อมทั้งอธิบายเนื้อหาที่นักเรียนได้ฟังเพิ่มเติม (ดูเฉลยคำตอบและ Audioscripts ท้ายเล่ม)
 
Classroom language:
T:  You will hear some people talking in different places. You only need to listen for the main points. Please underline the parts of the questions that show what you are listening for. In each question, you should underline the question and NOT the description of the situation. It doesn’t matter who is speaking, or where they are. You need to understand what is talked about.

                      Grammar Link
- ครูยกตัวอย่างประโยคที่ใช้คำกริยา has been to และ has gone to ดังนี้     
Michael has been to California many times, so he can recommend somewhere to stay.
Susan has gone to Austria, but she’ll be here next week.
แล้วซักถามนักเรียนทั้งชั้นดังนี้
T:  Is Michael still staying in California?
S:  No, he isn’t.                 
T:  Is Susan still staying in Austria?             
S:  Yes, she is.
และบอกให้นักเรียนช่วยกันพูดสรุปหลักการใช้คำกริยา has been to และ has gone to ในประโยคดังนี้
S:  We use “have been to” when somebody has visited a place and has come back. We use “have gone to” when somebody is visiting a place and hasn’t come back yet.
- ให้นักเรียนทุกคนอ่านตัวอย่างประโยคในกรอบ Grammar Link หน้า 8 และตอบคำถามให้ถูกต้องแล้วเติมคำกริยา have been to และ have gone to ลงในช่องว่างใต้กรอบ Complete the rules. ให้ถูกต้อง เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ครูขอนักเรียนอาสาสมัครบอกคำตอบของตนเอง แล้วจึงเฉลยคำตอบที่ถูกต้องพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม)     
- ให้นักเรียนทุกคนอ่านโครงสร้างทางไวยากรณ์และตัวอย่างประโยคเพิ่มเติมในหัวข้อ Grammar Reference ข้อ 1.3 หน้า 109 พร้อมครู จากนั้นครูอธิบายประเด็นที่นักเรียนยังเข้าใจไม่ชัดเจนเพิ่มเติม และตอบคำถามของนักเรียน แล้วบอกให้นักเรียนแต่ละคนทำกิจกรรมข้อ I ด้วยตนเองต่อไป


I     Complete the sentences with have/has been or have/has gone.
- ให้นักเรียนแต่ละคนเลือกเติมคำกริยา have/has been และ have/has gone ลงในช่องว่างในกิจกรรมข้อ I ให้ได้ประโยคสมบูรณ์ เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ครูสุ่มเรียกนักเรียนบางคนบอกคำตอบพร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบ แล้วจึงเฉลยคำตอบที่ถูกต้องพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม)
J    Complete the following sentences with for or since.
- ครูเขียนประโยคต่อไปนี้บนกระดาน
  - They’ve been spending their vacations in Mexico since they were children.
  - We have stayed in this hotel ever summer since 1995.
  - I’ve been in Russia for two weeks and I’ll stay until the end of the month.
  - Kate hasn’t had a vacation for three years.
และอ่านออกเสียงประโยคทีละประโยค แล้วบอกให้นักเรียนทั้งชั้นอ่านออกเสียงตาม พร้อมทั้งบอกให้นักเรียนสังเกตการใช้ since และ for ในแต่ละประโยค จากนั้นครูซักถามนักเรียนทั้งชั้นดังนี้
T: Which word is followed by a specific point of time?
S: Since.
S: Which word is followed by a period of time?
S: For.
- ครูและนักเรียนทั้งชั้นช่วยกันสรุปหลักการใช้ since และ for ดังนี้
T+Ss: We use for and since with the Present Perfect and Present Perfect Continuos to talk about how long an action has been in progress or how long a state has existed until now.
ให้นักเรียนแต่ละคนเลือก for หรือ since เติมลงในช่องว่างในกิจกรรมข้อ J ให้ถูกต้อง เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ครูสุ่มเรียกนักเรียนบางคนบอกคำตอบพร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบ แล้วจึงเฉลยคำตอบที่ถูกต้องพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม)
- ให้นักเรียนทุกคนแต่งประโยคที่ใช้ for และ since อย่างละ 1 ประโยค แล้วออกมาเขียนบนกระดาน ครูและนักเรียนทั้งชั้นช่วยกันตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้อง หากพบข้อผิดพลาด
                   Speaking Link
K   Ask and answer these questions with a partner. Use the expressions in the box to help you. Don’t forget to give reasons for your answers.
- ให้นักเรียนจับคู่พูดสนทนาถาม-ตอบเกี่ยวกับการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยใช้คำถามและสำนวนในกิจกรรมข้อ K ประกอบการทำกิจกรรม สำหรับนักเรียนที่ไม่เคยเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ให้นักเรียนลองคิดว่ามีสถานที่ใดบ้างในประเทศไทยที่นักเรียนต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะเหตุใด
- ครูเขียนตัวอย่างบทสนทนาต่อไปนี้บนกระดาน

ตัวอย่างบทสนทนาที่ 1
S1:   Have you ever been overseas? If you have, where did you go?
S2:   I’ve been to …………….
S1:   When did you go overseas?
S2:   I went to ……………. (in 1999/last summer/three years ago.)
S1:   How long did you stay there?
S2:   I stayed there for (two weeks/a month.)
 S1:  Did you like it there?
 S2:  I really liked………….. because …………
     
ตัวอย่างบทสนทนาที่ 2        
S1:   Have you ever been overseas?
S2:   I never been overseas
S1:   If you haven’t been overseas, is there a particular country you would like to visit? Or is there somewhere in Thailand you would like to visit?
S2:   I would like to go to ……………….because ……………………………………

-  ขณะที่นักเรียนกำลังทำกิจกรรมคู่ ครูควรเดินสังเกตการพูดสนทนาถาม-ตอบของนักเรียนว่าได้ใช้สำนวนที่กำหนดให้ในกิจกรรมข้อ K หรือไม่ และเมื่อนักเรียนทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ครูเรียกนักเรียนออกมาพูดสนทนาถาม-ตอบให้เพื่อนๆ ฟังหน้าชั้นเรียนทีละคู่
                   Writing Link
L    Read the story below that describes a strange vacation experience, and then fill in the blanks with the most suitable word or phrase from the box.
- ครูถามนักเรียนทั้งชั้นว่า นักเรียนจะนึกถึงสิ่งใดบ้างเมื่อนักเรียนต้องการเขียนเรื่องเล่าที่ดีสัก 1 เรื่อง ครูเขียนคำตอบของนักเรียนบนกระดาน แล้วบอกให้นักเรียนอ่านกรอบ Hints ใต้กรอบ Grammar Link หน้า 10 ซึ่งอธิบายเกี่ยวกับข้อควรจำ 5 ข้อในการเขียนเรื่องเล่าที่ดี
- ให้นักเรียนทุกคนอ่านเรื่องเล่า Strange but True ในกิจกรรมข้อ L แล้วเลือกคำศัพท์หรือวลีบอกเวลาที่กำหนดให้เติมลงในช่องว่างให้ถูกต้อง โดยครูอธิบายให้นักเรียนทราบก่อนทำกิจกรรมนี้ว่า กิจกรรมนี้จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจว่า นักเรียนจะใช้คำศัพท์หรือวลีบอกเวลาเหล่านี้เมื่อใด และจะใช้คำบอกเวลาเหล่านี้ให้เหมาะสมในการเขียนเล่าเรื่องอย่างไร
- เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ครูตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม)




         11.4  ขั้นนำไปประยุกต์ใช้ (Production)
M   Review the hints, and then write your own story entitled Strange but True. Remember to use some of the words and phrases from task L above. (100 – 120 words)
- ครูทบทวนเนื้อหาในกรอบ Hints ใต้กรอบ Grammar Link หน้า 10 พร้อมกับนักเรียนทั้งชั้นอีกครั้งแล้วบอกให้นักเรียนแต่ละคนเขียนเล่าเรื่องของตนเองโดยใช้หัวข้อเรื่อง Strange but True และแนวคิดจาก Story Outline เป็นตัวช่วยในการทำกิจกรรมข้อ M ดังนี้
Story Outline:
ย่อหน้าที่ 1 คิดถึงคำถามต่อไปนี้ก่อนเริ่มต้นเขียนเรื่อง: ใคร? เมื่อไร? ที่ไหน? ทำไม?
ย่อหน้าที่ 2 เขียนดำเนินเรื่องต่อไปจนถึงช่วงที่สำคัญของเรื่อง (Climax)
ย่อหน้าที่ 3 อธิบายช่วงที่สำคัญของเรื่อง
ย่อหน้าที่ 4 บอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นผลลัพธ์ของเรื่อง

ตัวอย่างผลงาน
Strange but True

My family and I was very sad when my grandmother died yesterday after she had been in hospital for one month. We were busy in preparing for the funeral.

At midnight after I had been sleeping for two hours, I dreamed that my grandmother came to me. She told me to buy the number 12 for the lottery. When I woke up I told my mother about the dream. My mother went to buy a lottery for the number 12. When the result of the lottery appeared, it was number 12. My mother got the lottery prize for four thousand baht.

My mother was very glad to get the unexpected money. She bought me a new T-shirt. She made a merit for my grandmother from the sum of money. She prayed and thanked to my grandmother. She made a wish that her number would give her good luck again.

I was very surprised that my dream brought good luck to my mother. I hope that I will dream of my grandmother again. This time please tell me six numbers for the first prize of the lottery because I want my mother to get four million baht.

- เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ครูอาจให้นักเรียนแต่ละคนออกมาเล่าเรื่องของตนเองให้เพื่อนๆ ฟังหน้าชั้นเรียนก่อนส่งผลงานเขียนให้ครู (ครูสามารถดูหัวข้อการเขียนเพิ่มเติมได้จากหัวข้อ Composition Titles ท้ายเล่ม)


              Extra Link
- หากมีเวลาเหลือพอ ครูอาจให้อิสระนักเรียนได้จับกลุ่มเขียนเรื่องเล่าตามจินตนาการของตนเองในช่วงกิจกรรมการเขียนเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนตระหนักได้ว่า การเขียนเป็นกระบวนการอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ว่านักเขียนที่มีประสบการณ์จะสามารถเขียนได้ถูกต้องได้ทันทีในครั้งแรก แต่ต้องคำนึงถึงขั้นตอนของการระดมความคิด การจัดลำดับเรื่อง การร่างโครงเรื่อง และการแสดงความคิดเห็นประกอบการเขียน หลังจากที่นักเรียนส่งงานเขียนแล้ว ครูอาจส่งคืนร่างงานเขียนนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มได้ปรับหรือแก้ไขภายในเวลาที่กำหนด แล้วให้นักเรียนส่งร่างงานเขียนนั้นกลับคืนให้ครูทำการตรวจต่อไป วิธีนี้จะช่วยให้นักเรียนได้ปรับปรุงงานเขียนให้ดียิ่งขึ้น

              Teaching Link
- กฎที่สำคัญที่สุดในการสอนภาษาอังกฤษคือ สอนให้ง่าย ครูบางคนมักอธิบายการทำกิจกรรมมากเกินไปซึ่งเป็น การสอนที่ผิดและส่งผลให้นักเรียนรู้สึกสับสนและเบื่อหน่ายต่อการเรียน เพราะนักเรียนไม่ได้คิดหรือค้นพบความรู้ใหม่ๆ ด้วยตนเอง ดังนั้นเมื่อครูมอบหมายให้นักเรียนทำงานกลุ่ม ครูควรอธิบายกิจกรรมคร่าวๆ แล้วคอยสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่ม เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน นักเรียนบางคนมักจะถามคำถามระหว่างทำงานกลุ่มเล็กๆ มากกว่าที่จะถามคำถามต่อหน้าเพื่อนๆ ในชั้นเรียน

         11.5  ขั้นสรุป (Wrap up)
                   - ครูอาจเลือกใช้ขั้นสรุปวิธีใดวิธีหนึ่งหรือทั้ง 2 วิธีดังนี้
                 วิธีที่ 1  ครูนำเสนอคำถามสำคัญบนกระดาน นำนักเรียนอ่านและทำความเข้าใจคำถาม
                      1)  นักเรียนช่วยกันตอบคำถามจากความเข้าใจและความทรงจำ
                 2)  นักเรียนเปิดหนังสือเรียนเพื่อศึกษาเพิ่มเติมและตรวจสอบความแม่นยำอีกครั้ง
                 3) ครูช่วยเสริม เพิ่มเติม และสรุป
                 4) นักเรียนบันทึกลงสมุดเป็นการบ้านเพื่อไว้อ้างอิงและทบทวนความรู้
                 วิธีที่ 2  ครูให้นักเรียนเขียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากสิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติได้ลงสมุด พร้อมทั้งเขียน
                 คำศัพท์ใหม่ลงในสมุดจดคำศัพท์ของตนเอง ครูอาจทบทวนคำศัพท์และโครงสร้างทางไวยากรณ์
                 ที่นักเรียนเข้าใจยังไม่ชัดเจนก่อนเรียนบทต่อไป

  12. กิจกรรมเสนอแนะ  และข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับครู

         ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือแบบฝึกหัด BRIDGE Workbook 5 Unit 1
       -  ให้นักเรียนฝึกการเขียนเพิ่มเติมโดยเลือกหัวข้อจาก Composition Exercises ดังนี้
(1) ให้นักเรียนทุกคนเขียนเรื่องเล่าตามชื่อเรื่องต่อไปนี้
An Amazing Journey (100120 คำ)
     -  What a Place! (100120 คำ)
       -  ครูอาจให้นักเรียนทำโครงงานดังนี้

          Project Work:  Travel Guide
- ให้นักเรียนทั้งชั้นช่วยกันคิดและตัดสินใจว่า นักเรียนต้องการที่จะอ่านหัวข้อเรื่องใดบ้างในคู่มือท่องเที่ยวในหมู่บ้าน เมือง หรือจังหวัดของนักเรียน โดยดูจากตัวอย่างหัวข้อเรื่องในกรอบสี่เหลี่ยมด้านล่างประกอบการคิดและการตัดสินใจ

Topics for a Travel Guide
Where to stay                   Nightlife
Where to eat                    Places of historical interest
Shopping                         Places of general interest
Entertainment                   Don’t miss …!


- ให้นักเรียนจับคู่หรือจับกลุ่มเลือก 1 หรือ 2 หัวข้อเพื่อรวบรวมข้อมูลจัดทำคู่มือท่องเที่ยวของคู่หรือของกลุ่มตนเอง ก่อนทำกิจกรรมนักเรียนจะต้องวางแผนและตัดสินใจก่อนว่า แต่ละหัวข้อควรมีกี่หน้า และประกอบด้วยเนื้อหาใดบ้าง แล้วจึงส่งแผนงานส่วนแรกให้ครูก่อนที่จะเพิ่มภาพประกอบหรือโปสการ์ดอื่นๆ ลงไป เมื่อครูตรวจสอบและให้คำแนะนำในแผนงานของนักเรียนแล้ว ให้นักเรียนเตรียมกระดาษสำหรับคู่มือท่องเที่ยวของคู่หรือกลุ่มตนเอง พร้อมทั้งจัดเรียงกระดาษตามลำดับเนื้อหาให้ถูกต้อง นักเรียนควรจัดทำหน้าสารบัญและเรียงเลขหน้าให้เรียบร้อยเพื่อสะดวกต่อผู้อ่านในอนาคต เมื่อนักเรียนจัดทำคู่มือท่องเที่ยวเสร็จแล้ว ให้นักเรียนแต่ละคู่หรือแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน
          Project Link
- เพื่อหลีกเลี่ยงการเขียนหัวข้อซ้ำ ครูควรแบ่งหัวข้อเรื่องให้นักเรียนแต่ละคู่หรือแต่ละกลุ่มให้ชัดเจน และถ่ายสำเนาผลงานของนักเรียนทั้งหมดไว้ให้นักเรียนห้องอื่นๆ ได้อ่านต่อไป

  13. ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย

……………………………………………………………………………………………………………….……..…
…………………………………………………………………………………………………………………….…..
………………………………………………………………………………………………………………………...
………………………………………………………………………………………………………………………...
        
                                                                             ลงชื่อ.………………………………………………
                                                                                  (                                                     )
                                                                        ตำแหน่ง………………………………………………..




  14. บันทึกผลการจัดการเรียนรู้/ปัญหาอุปสรรค/ข้อเสนอแนะ/แนวทางการปรับปรุง

……………………………………………………………………………………………………………….……..…
…………………………………………………………………………………………………………………….…..
………………………………………………………………………………………………………………………...
………………………………………………………………………………………………………………………...

                                                                             ลงชื่อ.………………………………………………
                                                                                  (                                                     )
                                                                        ตำแหน่ง………………………………………………..


1 ความคิดเห็น:

  1. เป็นตัวอย่างสำหรับนิสิตครูอย่างหนูมากๆ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ จะติดตามแผนการสอนอันต่อไปเรื่อยๆ นะคะ

    ตอบลบ