วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แผนการสอนที่5

 


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5


 


รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ                                                              ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5     Unit 5  Health and Fitness                                                                                                           เวลา 4 ชั่วโมง

   1. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
   
มาตรฐาน ต 1.1 ม.5/1  ปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือการใช้งานต่างๆ คำชี้แจง คำอธิบาย และคำบรรยายที่ฟังและอ่าน
มาตรฐาน ต 1.1 ม.5/2  อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครสั้น (skit) ถูกต้องตามหลักการอ่าน
มาตรฐาน ต 1.1 ม.5/3  อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่อ่าน รวมทั้งระบุ และเขียนสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ให้สัมพันธ์กับประโยค และข้อความที่ฟังหรืออ่าน
มาตรฐาน ต 1.1 ม.5/4  จับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความสรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจากการฟังและอ่านเรื่องที่เป็นสารคดีและบันเทิงคดี พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 ม.5/1  สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว ประสบการณ์  สถานการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ ประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม และสื่อสารอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.2 ม.5/2  เลือกและใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ คำชี้แจง คำอธิบาย อย่างคล่องแคล่ว
มาตรฐาน ต 1.2 ม.5/3  พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์จำลองหรือสถานการณ์จริงอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.2 ม.5/5  พูดและเขียนบรรยายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับ เรื่องต่างๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์อย่างมีเหตุผล
มาตรฐาน ต 1.3 ม.5/1  พูดและเขียนนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เรื่องและประเด็นต่างๆ ตามความสนใจของสังคม
มาตรฐาน ต 1.3 ม.5/2  พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ/แก่นสาระที่ได้จากการวิเคราะห์เรื่อง กิจกรรม ข่าว เหตุการณ์ และสถานการณ์ตามความสนใจ
มาตรฐาน ต 1.3 ม.5/3  พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์ ทั้งในท้องถิ่น สังคม และโลก พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ
มาตรฐาน ต 2.1 ม.5/1  เลือกใช้ภาษา น้ำเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกับระดับของบุคคล โอกาส และสถานที่ ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา 
มาตรฐาน ต 2.1 ม.5/3  เข้าร่วม แนะนำ และจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 2.2 ม.5/1  อธิบาย/เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สำนวน คำพังเพย สุภาษิต และบทกลอนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย
มาตรฐาน ต 3.1 ม.5/1  ค้นคว้า/สืบค้น บันทึก สรุป และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และนำเสนอด้วยการพูดและการเขียน
มาตรฐาน ต 4.1 ม.5/1  ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชน และสังคม
มาตรฐาน ต 4.2 ม.5/2  เผยแพร่/ประชาสัมพันธ์ ข้อมูล ข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่น/ประเทศชาติ เป็นภาษาต่างประเทศ

   2. เป้าหมายการเรียนรู้/ความเข้าใจที่คงทน (Learning Outcomes / Enduring Understanding)

2.1      ถามและตอบคำถามเกี่ยวกับสุขภาพและความแข็งแรงได้
2.2      เขียนจดหมายส่วนตัวให้คำแนะนำได้  

   3.      สิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติได้ (Important to know and to do)

3.1                  ออกเสียง สะกด บอกความหมายของคำศัพท์/วลีเกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกาย และนำไปใช้ได้ถูกต้อง
3.2                  ทำแบบทดสอบสั้นๆ วิเคราะห์คำตอบ แล้วอภิปรายว่าตนเองจัดอยู่ในกลุ่มคนที่ชอบออกกำลังกายหรือกลุ่มคนที่ไม่ชอบออกกำลังกายได้ถูกต้อง
3.3                  อ่านบทอ่านประเภทโบรชัวร์เกี่ยวกับวิธีแก้ไขเมื่อรู้สึกเหนื่อย แล้วจับใจความสำคัญ และจับคู่หัวข้อกับย่อหน้าให้สัมพันธ์กัน
3.4                  ระบุกริยาวลีตามความหมายที่กำหนดให้ตรงตามบริบท (context) ในบทอ่านประเภทโบรชัวร์ได้
3.5                  เปลี่ยนคำศัพท์ที่กำหนดให้อยู่ในชนิดของคำที่เหมาะสมกับประโยคได้ถูกต้อง
3.6                  จับคู่ปัญหาสุขภาพกับสาเหตุให้สัมพันธ์กัน
3.7                  ศึกษาตัวอย่างประโยคและหลักการใช้ Reported Speech รูปประโยคบอกเล่า แล้วสรุปหลักการใช้ ตอบคำถาม และเปลี่ยนประโยคที่กำหนดให้เป็นประโยค Reported Speech รูปประโยคบอกเล่าได้ถูกต้อง
3.8                  ระบุข้อมูลจากการฟังบทสนทนาได้ถูกต้อง
3.9                  อ่านตัวอย่างส่วนของจดหมายให้คำแนะนำ แล้วเขียนส่วนต่างๆ ของจดหมายให้ตรงกับย่อหน้าได้ถูกต้อง
      
   4. สิ่งที่ควรค่าแก่การเรียนรู้ (Worth being familiar with)

       สุขภาพและความแข็งแรง





   5.      คำถามสำคัญ (Essential Questions)

5.1      What do you do when you feel tired except going to bed? How does/ do this/ these thing/things make you feel better?
5.2      What do you do to get in shape?
5.3      Your friend from abroad wrote to you for your advice to get in shape. How will you organize your letter of reply?
a.     How will you greet and thank him/ her for his/ her recent letter? 
b.     What’s your advice for getting in shape?
c.     What’s your wish about your friend?
d.     How will you say that you would like to receive his/ her latest news in the next letter?
e.     How will you close your letter?

   6. สิ่งที่นักเรียนต้องได้รับการพัฒนา
             
         6.1    ทักษะกระบวนการ
              - กระบวนการกลุ่ม            
              - กระบวนการคิด
              - กระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง
       6.2    คุณลักษณะอันพึงประสงค์
              - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์              
              - ซื่อสัตย์สุจริต                          
              - มีวินัย
              - ใฝ่เรียนรู้                               
              - อยู่อย่างพอเพียง                     
              - มุ่งมั่นในการทำงาน
              - รักความเป็นไทย                     
              - มีจิตสาธารณะ
       6.3    สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
              - ความสามารถในการสื่อสาร (Communication Capacity)
              - ความสามารถในการคิด (Thinking Capacity)
              - ความสามารถในการแก้ปัญหา (Problem-Solving Capacity)
              - ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต (Capacity for Applying Life Skills)
              - ความสามารถในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี (Capacity for Technological Application)


                  
   7. ผลงานที่ได้จากการเรียนรู้และปฏิบัติ

      7.1   ถามและตอบคำถามเกี่ยวกับสุขภาพและความแข็งแรงได้
       7.2   เขียนจดหมายส่วนตัวให้คำแนะนำได้  

   8.      การวัดและประเมินผล (Evaluation)
                                   

สิ่งที่ต้องการวัดและประเมิน

วิธีการวัด
และประเมิน

เครื่องมือวัด
และประเมิน

เกณฑ์การวัด
และประเมิน
ความรู้และทักษะด้านคำศัพท์
สิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติได้
3.1  ออกเสียง สะกด บอกความหมายของ       
      คำศัพท์/วลีเกี่ยวกับสุขภาพและการออก
      กำลังกาย และนำไปใช้ได้ถูกต้อง


ตรวจสอบอย่าง
ไม่เป็นทางการ



กิจกรรม A, D,  E, F


ปฏิบัติได้ในระดับดี-ดีมาก
3.2  ทำแบบทดสอบสั้นๆ วิเคราะห์คำตอบ แล้วอภิปราย
      ว่าตนเองจัดอยู่ในกลุ่มคนที่ชอบออกกำลังกาย
      หรือกลุ่มคนที่ไม่ชอบออกกำลังกายได้ถูกต้อง
การให้โจทย์หรือประเด็นปัญหาที่ให้นักเรียนขบคิด
กิจกรรม A
ปฏิบัติได้ในระดับดี-ดีมาก
3.4  ระบุกริยาวลีตามความหมายที่กำหนดให้
      ตรงตามบริบท (context) ในบทอ่านได้
สังเกต/พูดคุย
กิจกรรม D
ปฏิบัติได้ในระดับดี-ดีมาก
3.5  เปลี่ยนคำศัพท์ที่กำหนดให้อยู่ในชนิดของคำ
      ที่เหมาะสมกับประโยคได้
ทดสอบย่อย

กิจกรรม E

ตอบถูก 7 ข้อ
จาก 8 ข้อ
3.6  จับคู่ปัญหาสุขภาพกับสาเหตุให้สัมพันธ์กัน
      ได้
ทดสอบย่อย
กิจกรรม F
ตอบถูก 5 ข้อ
จาก 6 ข้อ
ความสามารถและทักษะการอ่าน
สิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติได้
3.3    อ่านบทอ่านประเภทโบรชัวร์เกี่ยวกับวิธีแก้ไขเมื่อรู้สึกเหนื่อย แล้วจับใจความสำคัญ และจับคู่หัวข้อกับย่อหน้าให้สัมพันธ์กัน


ตรวจสอบ
อย่างไม่เป็น
ทางการ


กิจกรรม B, C



ปฏิบัติได้ใน
ระดับดี-ดีมาก

ความรู้และทักษะทางไวยากรณ์
สิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติได้
3.7  ศึกษาตัวอย่างประโยคและหลักการใช้
      Reported Speech รูปประโยคบอกเล่า แล้ว
      สรุปหลักการใช้ ตอบคำถาม และเปลี่ยน
      ประโยคที่กำหนดให้เป็นประโยค Reported
      Speech รูปประโยคบอกเล่าได้ถูกต้อง


- ทดสอบย่อย

- ทดสอบย่อย


- กิจกรรม G

- กิจกรรม H


- ตอบถูก 4 ข้อ
  จาก 5 ข้อ
- ตอบถูก 7 ข้อ
  จาก 8 ข้อ


สิ่งที่ต้องการวัดและประเมิน

วิธีการวัด
และประเมิน

เครื่องมือวัด
และประเมิน

เกณฑ์การวัด
และประเมิน
ความสามารถและทักษะการฟัง
สิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติได้
3.8  ระบุข้อมูลจากการฟังบทสนทนาได้ถูกต้อง


ทดสอบย่อย


กิจกรรม J


ตอบถูกทุกข้อ
ความสามารถและทักษะการเขียน
สิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติได้
3.9 อ่านตัวอย่างส่วนของจดหมายให้คำแนะนำ
     แล้วเขียนส่วนต่างๆ ของจดหมายให้ตรงกับ
     ย่อหน้าได้ถูกต้อง


ตรวจสอบอย่างไม่เป็นทางการ


กิจกรรม K


ปฏิบัติได้ใน
ระดับดี-ดีมาก

สิ่งที่นักเรียนได้รับการพัฒนา
- เจตคติต่อการเรียนรู้
- ทักษะกระบวนการ
- คุณลักษณะอันพึงประสงค์
- สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
สังเกต สอบถาม และบันทึกขณะนักเรียนปฏิบัติกิจกรรม      การเรียนรู้     การนำเสนอทั้งการพูดและ    การเขียน
แบบบันทึกผลการจัดการเรียนรู้
แสดงออกถึง  การพัฒนาในระดับดี-ดีมาก
เป้าหมายการเรียนรู้



ความสามารถและทักษะการพูด
- ถามและตอบคำถามเกี่ยวกับสุขภาพและความ
  แข็งแรงได้



ลงมือปฏิบัติ/โครงงาน

- กิจกรรม I

- แบบประเมิน
  การพูด

- ปฏิบัติได้ใน
  ระดับดี-ดีมาก
- คะแนนเมื่อ
  เทียบกับเกณฑ์
ความสามารถและทักษะการเขียน
- เขียนจดหมายส่วนตัวให้คำแนะนำได้ 

ลงมือปฏิบัติ/โครงงาน

- กิจกรรม L

- แบบประเมิน
  การเขียน

- ปฏิบัติได้ใน
  ระดับดี-ดีมาก
- คะแนนเมื่อ
  เทียบกับเกณฑ์


   9. สาระการเรียนรู้

       9.1    คำศัพท์ (Vocabulary)
- at hand (idiom)        close to you in time or position (ใกล้เวลา, ใกล้ตัว)
- diet (n)                   the food that you eat and drink regularly (อาหาร)
- dietician (n)            a person whose job is to give people advice about the kind of food they should eat (นักกำหนดอาหาร, ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเพื่อสุขภาพ)    
- exhausted (adj)       very tired, either physically or mentally, so that you have almost no energy left (เหนื่อยล้า, อ่อนเพลีย ด้านร่างกายหรือจิตใจก็ได้)
- extreme tiredness (n phr) feeling severely fatigued (ความอ่อนล้าหรืออ่อนเพลียอย่างหนัก)
- fluid (n)                  liquid (ของเหลว, น้ำ)      
- heart attack (n)        a sudden serious medical condition in which the heart stops working normally, causing great pain and sometimes leading to death  (หัวใจวาย)
- install (v)                put something somewhere so that it is ready to be used (ติดตั้ง)
- liquid (n)                a substance which is not solid but which flows and can be poured, for example, water (น้ำ,ของเหลว)
- muscles (n)             pieces of tissues inside your body that connect bones and which you use when you make a movement (กล้ามเนื้อ มักจะใช้รูปพหูพจน์เพราะกล้ามเนื้อคนเรามีหลายมัดและหลายส่วนด้วยกัน)    
- out of breath (idiom) breathing fast and with difficulty, for example after exercise (หอบ หลังออกกำลังกายเสร็จ)
- portion (n)              the amount of food that is given to one person at a meal (ปริมาณอาหารที่คนคนหนึ่งได้รับในแต่ละมื้อ)
- pulse rate (n phr)     the number of heart beats per minute (อัตราการเต้นของหัวใจ)
- rash (n)                  an area of red spots on someone's skin, caused by an illness or a reaction to something that you have touched, eaten etc. (ผื่น)
- sprain (n)               the injury caused by straining a joint, especially the ankle or wrist  (อาการข้อเคล็ดหรือแพลง)                
- stiff (adj)                 If you are stiff or part of your body is stiff, your muscles hurt and it is difficult for them to move (แข็งเกร็ง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ)
- strain (v)                 make something do more than it is able to do (ใช้งานหนักเกินไป)
- tense (adj)              tight and not relaxed (เกร็งตัว, ไม่ผ่อนคลาย)



         9.2    การออกเสียง (Pronunciation)
- การออกเสียง -es ที่เติมท้ายคำกริยาหรือคำนามที่ลงท้ายด้วยเสียง /s/, /ʃ/, /tʃ/, /z/, /ʒ/ และ /dʒ/ และออกเสียงเป็น /ɪz/  เช่นในคำว่า
  causes /kɔːzɪz/                      advices /ədˈvaɪsɪz/         sunglasses /ˈsʌnɡlæsɪz/
  distances /ˈdɪstənsɪz/             exercises /ˈeksərsaɪzɪz/



         9.3    โครงสร้างทางไวยากรณ์ (Grammar)
              - Reported speech (statements)

         9.4    หน้าที่ทางภาษา (Functions of the Language)
              - Giving personal information about what you do to stay fit and healthy
              - Giving advice to somebody in an informal letter
      
       9.5    กลวิธีการเรียนรู้ (Learning Strategies)
             - Focusing on detail in the reading passage
             - Understanding function, location, role and relationship when listening to dialogues 

       9.6    ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น                           
             - กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา

  10. สื่อและแหล่งเรียนรู้
                       
       10.1 หนังสือเรียน BRIDGE Student Book 5 Unit 5
       10.2 หนังสือแบบฝึกหัด BRIDGE Workbook 5 Unit 5
       10.3 ซีดีบันทึกเสียง Audio CD BRIDGE 5 Unit 5
       10.4 พจนานุกรมอังกฤษ - อังกฤษ

  11. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
             
       11.1  ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน (Warm up)
ครูนำภาพนักแสดงที่เป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาสถาบันลดน้ำหนักซึ่งมีทั้งภาพในอดีตที่เคยมีรูปร่างอ้วนและภาพปัจจุบันที่มีรูปร่างผอมเพรียวหลังจากลดน้ำหนักแล้วมาให้นักเรียนดู จากนั้นครูสนทนากับนักเรียนเรื่องการลดน้ำหนักที่ถูกวิธีและทำให้มีสุขภาพแข็งแรง
T:  Who do you like, the fatter or the slender one?
S:  Answer will vary.
T:  Do you want to lose weight? Should you take diet pills? Why?
S:  Answer will vary.
T:  Do you exercise every day?
S:  Answer will vary.
T:  How long do you exercise each day?
S:  Answer will vary.
T:  What kind of exercise do you like the most?
S:  Answer will vary.
T:  What kind of exercise does not spend too much time?
S:  Answer will vary. 
T:  How do you feel after you exercise?
S:  Answer will vary.
T:  What are the advantages of exercise?
S:  Answer will vary.
              Learning Link
                             ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้โดยให้นักเรียนทุกคนอ่านกรอบ Learning Link หน้า 31 เพื่อ
              ให้ทราบว่านักเรียนต้องรู้และปฏิบัติอะไรได้บ้างใน Unit 5 ดังนี้
- คำและวลีที่ใช้พูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกาย
-   ถาม - ตอบคำถามเกี่ยวกับการมีสุขภาพที่แข็งแรง
-   เขียนจดหมายแบบไม่เป็นทางการเพื่อให้คำแนะนำ
              - ใช้ reported speech ในประโยคบอกเล่า
A   Are you a fitness fan or a couch potato? Take this quiz to find out! When you have finished, check your results with your teacher.
- ก่อนเริ่มต้นกิจกรรม ให้ครูถ่ายเอกสารตารางคะแนนและผลการวิเคราะห์จากท้ายเล่มคู่มือครูเตรียมไว้ให้เพียงพอต่อจำนวนนักเรียนในห้อง จากนั้นให้นักเรียนทำแบบสอบถาม (Quiz) ด้วยตนเอง เพื่อค้นหาว่านักเรียนเป็นผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายหรือเป็นผู้ที่ชื่นชอบการดูโทรทัศน์แต่ไม่ชอบการออกกำลังกาย (coach potato)
- เมื่อนักเรียนทำเสร็จแล้ว ให้ครูแจกตารางคะแนนผละผลการวิเคราะห์ที่ได้เตรียมไว้ให้กับนักเรียน จากนั้นให้นักเรียนตรวจสอบคะแนนที่ได้รับในแต่ละข้อ แล้วนำระดับคะแนนในแต่ละข้อมารวมกันเพื่อหาคะแนนรวมทั้งหมด จากนั้นอ่านผลการวิเคราะห์ โดยครูอาจให้นักเรียนแต่ละคนอ่านผลการวิเคราะห์ให้เพื่อนทั้งชั้นฟัง หรือแลกเปลี่ยนกันดูกับเพื่อน

Classroom Language
T:  You will do the quiz in task A to find out that you are a fitness fan or a couch potato.
(When student finish, give them the copies of the results for one each)
Now, check the quiz results with the paper given.
How many points have you got? And who are you, a potato couch or a fitness fan?



       11.2  ขั้นนำเสนอความรู้ (Presentation)
              Reading Link
B   If your excuse for getting such a bad score on the quiz is that you don’t have enough time or you are too tired, read on!
- ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับความรู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนเพลียของนักเรียน ซึ่งอาจมีสาเหตุจากความกดดันในเรื่องต่างๆ เช่น การสอบ จากนั้นครูให้นักเรียนเขียนสิ่งที่ทำให้นักเรียนรู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรืออ่อนเพลียมา 5 อย่าง
- เมื่อนักเรียนเขียนสิ่งที่ทำให้นักเรียนรู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรืออ่อนเพลียเสร็จแล้ว ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มเป็น 6 กลุ่ม จากนั้นมอบหมายเนื้อความหัวข้อ 1 - 6 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันอ่านและสรุปใจความของหัวข้อที่ได้รับมอบหมาย
- ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอเรื่องในหัวข้อของตน จากนั้นครูและนักเรียนทั้งชั้นช่วยกันสรุปเนื้อความทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง แล้วให้นักเรียนเปรียบเทียบสิ่งที่นักเรียนเขียนมา 5 อย่าง ว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไรกับสิ่งที่นักเรียนได้อ่านและสรุปมา
C   Now match the headings with paragraphs 1 – 6 in the brochure. There is one extra heading that will not be used.
- ครูให้นักเรียนจับคู่ จากนั้นย้ำเตือนกับนักเรียนว่า ในกิจกรรมเช่นนี้ นักเรียนอาจต้องอ่านเนื้อความแต่ละหัวข้ออย่างน้อย 2 - 3 รอบ นอกจากนี้นักเรียนอาจพบว่า นักเรียนอาจเปลี่ยนตัวเลือกคำตอบได้เรื่อยๆ จนกว่าจะคิดว่าคำตอบทุกข้อนั้นถูกต้องเหมาะสมแล้ว ให้ครูอธิบายให้นักเรียนทราบว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติสำหรับนักเรียนซึ่งเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 เพราะสำหรับคนที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่เองก็อาจจะทำเช่นเดียวกันหากเจอกิจกรรมลักษณะเช่นนี้ จากนั้นให้ครูชี้แจงให้นักเรียนทราบว่า มีตัวเลือกคำตอบที่นักเรียนไม่จำเป็นต้องเลือกใช้เกินมา 1 ตัวเลือก
- ให้นักเรียนทำกิจกรรม จากนั้นครูตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม) โดยครูอาจอธิบายเพิ่มเติม โดยชี้ให้เห็นคำที่บอกใบ้ (clue) ที่ใช้ในการนำมาวิเคราะห์เลือกคำตอบจากแต่ละย่อหน้า
  
Classroom Language
T:  Work in pairs in this task.
When doing matching task like this, you may have to read each paragraph two or three times.
In addition, you may change your mind about choices until everything seems to fit.
This is normal and a native speaker would also use the same strategy for this task.
Please remember that you don’t need to use one extra heading.
Now, do task C with your partner.



                   Vocabulary Link
D   Find words or phrases in the brochure that mean:
ครูสอนคำศัพท์ใหม่ โดยการเขียนคำศัพท์และยกตัวอย่างประโยคบนกระดาน
Strain
  - You don’t have to strain your eyes reading this book.
  Exhausted
  - I feel completely exhausted today.
  Portion
  - I need just a small portion of food a day.
  Tense
  - His muscles become tense after working out too much.
  Install
  - I try to install the new software.
  Fluids
  - Fluid is a substance which can flow.
  จากนั้นครูเขียนตัวอย่างกิจกรรมและให้นักเรียนเติมคำลงในช่องว่างให้ถูกต้อง
     Fill in the blanks with the appropriate words.
     portion  install                fluids                 strain                 exhausted          tense
     1. After running for 10 kilometers, I was …………….. (exhausted)
     2. I ……………. my ears to hear what he is going to say. (strain)
     3. If your body becomes ……………, massage can help you. (tense)
     4. He tried to ……………. his own aerial. (install)
     5. The patient cannot eat solid food but ………………. (fluid)
     6. …………… control is one of the keys to lose weight. (portion)
จากนั้นเฉลยคำตอบให้นักเรียนฟัง (ดูเฉลยคำตอบท้ายข้อ)
- ให้นักเรียนค้นหาคำศัพท์/วลีในเนื้อความในกิจกรรมข้อ B ที่ตรงกับความหมายข้อ 1 - 9 ครูอาจเพิ่มความท้าทายให้กับกิจกรรมโดยให้นักเรียนแข่งกันหาคำศัพท์/วลีที่เป็นคำตอบ ภายในเวลา 1 นาที โดยนักเรียนคนไหนที่หาคำศัพท์ได้ถูกต้องและมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ 
- ครูเฉลยคำตอบให้นักเรียนทั้งชั้นฟัง จากนั้นอธิบายความหมายของคำศัพท์ ทั้ง 9 คำเพิ่มเติม (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม)
E       Complete the sentences with a form of the word in capitals. All the words are in the brochure.
- ครูทบทวนเรื่องชนิดของคำ (Part of Speech) โดยยกตัวอย่างประโยคจากเนื้อความในกิจกรรมข้อ B บนกระดาน “Here are some facts about what can make you feel tired, and what you can do to avoid it properly.” จากนั้นถามนักเรียนว่า คำที่ขีดเส้นใต้เป็นคำชนิดใด เช่น เป็นคำนาม (noun) คำกริยา (verb) คำคุณศัพท์ (adjective) หรือคำกริยาวิเศษณ์ (adverb)
T:  What is the part of speech of “facts”?
S:  (Noun)
T:  What is the part of speech of “feel”?
S:  (Verb)
T:  What is the part of speech of “tired”?
S:  (Adjective)
T:  What is the part of speech of “properly”?
S:  (Adverb)
- ครูอธิบายให้นักเรียนทราบว่า หากนักเรียนไม่เข้าใจว่าคำศัพท์แต่ละคำในประโยคนั้นทำหน้าที่อะไร นักเรียนก็จะไม่สามารถกิจกรรมลักษณะนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม นักเรียนส่วนใหญ่นั้นคุ้นเคยกับพื้นฐานของชนิดของคำดีอยู่แล้ว เช่น นักเรียนทราบว่าคำใดเป็นคำนาม (noun) กริยา (verb) คุณศัพท์ (adjective) กริยาวิเศษณ์ (adverb)
- ให้นักเรียนทำกิจกรรม โดยให้หาว่าชนิดของคำ (part of speech) ใดที่ขาดหายไป จากนั้นนำคำศัพท์ในตอนท้ายของแต่ละประโยคมาเปลี่ยนและเติมลงในแต่ละประโยคให้ถูกต้อง โดยครูชี้แจงให้นักเรียนทราบว่า คำศัพท์ที่เป็นคำตอบนั้นมีปรากฏอยู่ในเนื้อความในกิจกรรมข้อ B
- ครูสุ่มเรียกนักเรียนเฉลยคำตอบ และให้นักเรียนระบุว่าคำตอบแต่ละข้อนั้นเป็นคำชนิดใด (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม)

Classroom Language
T:  You may struggle with this task if you don’t understand the function of the words in the sentences.
However, you may be familiar with the basic categories of words such as nouns, verbs, adjectives and adverbs.
Now, do task E. All the words you need are in the brochure. Find and underline all of them.
When you have found your answers, identify the type of words you now have and complete the sentences 1 - 8.

F    Match the problems with the possible causes.
- ครูชี้แจงให้นักเรียนทราบก่อนว่า กิจกรรมลักษณะนี้ค่อนข้างยาก เนื่องจากนักเรียนอาจไม่คุ้นเคยกับคำศัพท์ในกิจกรรม จากนั้นให้นักเรียนจับคู่ และให้นักเรียนเลือกจับคู่โรคกับอาการของโรคที่นักเรียนทราบก่อน จากนั้นจึงลองคาดเดาข้อที่เหลือ
- ครูเฉลยคำตอบให้นักเรียนทั้งชั้นฟัง (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม) จากนั้นถามนักเรียนว่า มีใครที่นักเรียนรู้จักที่ประสบปัญหาเหล่านี้บ้าง และอาจสนทนากับนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคหรืออาการเหล่านี้
                   Grammar Link
                  
Reported Speech - Statements
(การเปลี่ยนข้อความซึ่งเป็นประโยคบอกเล่าจาก direct speech เป็น reported speech)

ในการเปลี่ยนข้อความซึ่งเป็นประโยคบอกเล่าจาก direct speech เป็น reported   
speech สิ่งที่ต้องพิจารณาและเปลี่ยนให้ถูกต้องได้แก่
1.  คำกริยา (verb) ในกรณีที่มีการเปลี่ยน tense
2.  คำสรรพนาม (pronoun) และคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ (possessive adjectives)
3.  คำหรือวลีบอกเวลา/สถานที่ (time/place)
(ซึ่งหลักในการเปลี่ยนทั้ง 3 ข้อ ครูให้นักเรียนศึกษาได้จากหัวข้อ Grammar Reference
Unit 5 หน้า 111 – 112)

-    ครูยกตัวอย่างการเขียน reported speech โดยให้นักเรียนฝึกสังเกตประโยคต่อไปนี้และตอบคำถาม

Direct Speech
Reported Speech
1.   She said, “I watch movie.”                   She said (that) she watched movie.
2.   She said, “I am watching movie.”         She said (that) she was watching movie.
3.   She said, “I have watched movie.”        She said (that) she had watched movie.
4.   She said, “I have been watching movie.”           She said (that) she had been watching movie.
5.  She said, “I watched movie.”                She said (that) she had watched movie.
6.  She said, “I was watching movie.”        She said (that) she had been watching movie.

T:  In the first sentence of Direct Speech, what tense is it?
S:  Present simple.
T:  In the first sentence of Reported Speech, what tense is it?
S:  Past simple.
T:  In the second sentence of Direct Speech, what tense is it?
S:  Present Continuous.
T:  In the Reported Speech, what tense is it?
S:  Past Continuous.
T:  In the third sentence of Direct Speech, what tense is it?
S:  Present Perfect.
T:  In the Reported Speech, what tense is it?
S:  Past Perfect.
T:  In the fourth sentence of Direct Speech, what tense is it?
S:  Present Perfect Continuous.
T:  In the Reported Speech, what tense is it?
S:  Past Perfect Continuous.
T:  In the fifth sentence of Direct Speech, what tense is it?
S:  Past simple.
T:  In the Reported Speech, what tense is it?
S:  Past Perfect.
T:  In the last sentence of Direct Speech, what tense is it?
S:  Past Continuous.
T:  In the Reported Speech, what tense is it?
S:  Past Perfect Continuous.
- จากนั้นครูให้นักเรียนเปลี่ยนประโยค direct Speech เป็นประโยค reported speech
Change these sentences into Reported Speech.
1.    Ananda said, “I prepare a sandwich for lunch.”
2.    Anna said, “I have never played cricket.”
3.    They said, “We must get more sleep.”
4.    Jacob said, “I will be tired after training.”
5.    Jenny said, “I was playing volleyball at 4 pm. yesterday.”
ครูสุ่มเรียกนักเรียนเปลี่ยนประโยค จากนั้นครูเฉลยคำตอบที่ถูกต้องให้นักเรียนฟังดังนี้
1.    Ananda said (that) he prepared a sandwich for lunch.
2.    Anna said (that) she had never played cricket.
3.    They said (that) they had to get more sleep.
4.    Jacob said (that) he would be tired after training.
5.    Jenny said (that) she had been playing volleyball at 4 pm. the day before.
- ให้นักเรียนศึกษาหลักไวยากรณ์ในกรอบ Grammar Link หน้า 34 และตอบคำถามด้วยตนเองหรือเป็นคู่ ครูตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม) จากนั้นตรวจสอบว่านักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในการเขียน reported speech หรือไม่ และอธิบายให้นักเรียนฟังหากจำเป็น
- จากนั้นครูให้นักเรียนทุกคนศึกษาโครงสร้างทางไวยากรณ์และตัวอย่างประโยคเพิ่มเติมในหัวข้อ Grammar Reference Unit 5.1 และ 5.2 หน้า 111 - 112 และซักถามประเด็นที่นักเรียนยังสงสัยหรือไม่เข้าใจกับครู ครูตอบคำถามของนักเรียน และบอกให้นักเรียนแต่ละคนทำกิจกรรมต่อไป




         11.3  ขั้นฝึกปฏิบัติ (Practice)
G   Read the dialogue and then change the sentences in bold into reported speech.
   - ครูให้นักเรียนอ่านทบทวนในหัวข้อ Grammar Reference ข้อ 5.1 ในหนังสือเรียน หน้า 111 - 112 อีกครั้ง จากนั้นให้นักเรียนอ่านบทสนทนาแล้วเปลี่ยนประโยคที่ทำตัวหนาให้เป็นประโยค reported speech
   - ครูเฉลยคำตอบให้นักเรียนทั้งชั้นฟัง (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม) จากนั้นให้นักเรียนอ่านประโยคข้อ 1 - 5 ที่ถูกต้องสมบูรณ์แล้วพร้อมกัน
H   Change the following statements into reported speech. Begin with the words given.
   - ครูให้นักเรียนอ่านทบทวนในหัวข้อ Grammar Reference ข้อ 5.2 ในหนังสือเรียน หน้า 112 อีกครั้ง จากนั้นให้นักเรียนเปลี่ยนประโยคที่กำหนดให้ให้เป็น reported speech
- ครูสุ่มเรียกนักเรียนออกมาเขียนประโยคคำตอบบนกระดาน จากนั้นครูและนักเรียนทั้งชั้นช่วยกันตรวจสอบประโยคที่นักเรียนเขียนบนกระดานว่าถูกต้องหรือไม่ หากมีข้อผิดพลาดให้ช่วยกันแก้ไขให้ถูกต้อง (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม) จากนั้นให้นักเรียนอ่านประโยคข้อ 1 - 5 ที่ถูกต้องสมบูรณ์แล้วพร้อมกัน  
                   Speaking  Link
I     Work with a friend to ask and answer these questions. Use the expressions in the box to help you answer the final question.
     - ให้นักเรียนจับคู่กันสนทนา ถาม - ตอบ เกี่ยวกับการออกกำลังกายและสุขภาพโดยผลัดกันถามคำถามในกรอบวงกลมด้านซ้ายมือ และตอบคำถามโดยใช้สำนวนที่กำหนดให้ในกล่องสี่เหลี่ยมด้านขวามือ เมื่อนักเรียนจับคู่กันสนทนา ถาม - ตอบแล้ว ให้ครูใช้คำถามในกรอบวงกลมสุ่มถามนักเรียนอีกครั้งเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน
                   Listening  Link
J    Listen to people talking in different situations and answer the questions below by choosing a, b or c.
- ครูและนักเรียนอ่านคำแนะนำในกรอบ Hints พร้อมกัน จากนั้นครูนำนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับคำสำคัญทั้ง 4 คำ คือ function (อธิบายว่าสิ่งนั้นเอาไว้ทำอะไร เมื่อไหร่ และทำไม), location (อธิบายที่อยู่ของสิ่งของนั้นๆ), role (อธิบายว่าใครทำอะไร) และ relationship (อธิบายว่าใครเป็นอะไรกับใคร) เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน และช่วยให้นักเรียนเลือกข้อมูลที่ถูกต้องจากบทสนทนา โดยอาจยกตัวอย่างประโยค เช่น
Function:      I use my dictionary to hold the door open. (หมายความว่า ใช้  dictionary กันประตูให้เปิดค้างไว้  “use” ทำให้ทราบว่าเกิดการใช้งาน)
Location:       The bookstore is across from the school. (“is across from” ทำให้รู้สถานที่ตั้ง)
Role:            The man makes cakes for large parties. (“makes cakes” ทำให้รู้บทบาท)
Relationship: It was my mother’s uncle who won the lottery. (“mother’s uncle” ทำให้รู้ความสัมพันธ์ของบุคคล)
- จากนั้นให้ฟังบทสนทนาในสถานการณ์ต่างๆ แล้วตอบคำถามโดยเลือกตัวเลือก a, b หรือ c ที่ถูกต้อง
- ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงสถานการณ์ละ 1 ครั้ง หรืออาจเปิดสถานการณ์ละ 2 ครั้ง ในกรณีที่นักเรียนฟังไม่ทันหรือไม่เข้าใจ และเมื่อนักเรียนทำกิจกรรมเลือกคำตอบครบทั้ง 6 ข้อแล้ว ให้ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงอีกครั้งหนึ่งเพื่อตรวจคำตอบที่ถูกต้อง โดยครูอาจสนทนาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อเรื่องที่ได้ฟัง (ดูเฉลยคำตอบและ Audioscripts ท้ายเล่ม)   
              Writing Link
                   K   Before you write your letter, complete the outline below.
-    ในกิจกรรมนี้นักเรียนจะได้นำคำในกรอบสี่เหลี่ยมที่กำหนดให้ มาเขียนเติมลงในแต่ละย่อหน้าของโครงร่างจดหมาย (Letter Outline) ให้สมบูรณ์
- ครูชี้แจงให้นักเรียนทราบว่า นักเรียนควรนำคำในกรอบด้านบนไปเขียนลงในโครงร่างจดหมาย (Letter Outline) แทนที่จะลากเส้นจับคู่คำในกรอบกับย่อหน้าต่างๆ ในโครงร่าง และหากนักเรียนได้ทำกิจกรรมนี้ด้วยตนเอง นักเรียนจะสามารถจดจำข้อมูลที่จะใช้เขียนในแต่ละย่อหน้าได้อย่างแม่นยำมากขึ้น และยังช่วยให้นักเรียนสามารถย้อนกลับมาดูโครงร่างจดหมายเพื่อเป็นแนวทางในการเขียนจดหมายด้วยตนเองในกิจกรรมต่อไปได้     
- ให้นักเรียนทำกิจกรรม จากนั้นครูให้นักเรียนอาสาเฉลยคำตอบ (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม)
     
         11.4  ขั้นนำไปประยุกต์ใช้ (Production)
                   L    Write your letter. Use some of the expressions from the Speaking Link and the outline you completed in task K. (120 - 140 words)
                         (Imagine that you have received a letter from an English - speaking friend of yours. He/She has asked you for advice about getting in shape and eating healthy food. Write a letter to him/her, giving practical advice on fitness and healthy eating.)
     -    สมมติว่านักเรียนได้รับจดหมายจากเพื่อนที่พูดภาษาอังกฤษ โดยเขา/เธอต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับการทำให้มีรูปร่างดี และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ นักเรียนต้องเขียนจดหมายถึงเพื่อนคนดังกล่าวเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการทำให้มีรูปร่างดีและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
- ให้นักเรียนเขียนจดหมายให้คำแนะนำเพื่อน โดยครูแนะนำให้นักเรียนใช้สำนวน (expression) บางสำนวนจากหัวข้อ Speaking Link และโครงร่างจดหมาย (Letter Outline) ในกิจกรรมข้อ K
- ครูตรวจสอบให้แน่ใจว่านักเรียนเขียนจดหมายตามโครงร่างที่กำหนดให้ และมีความยาวระหว่าง 120 - 140 คำ
- ครูอาจให้นักเรียนทำกิจกรรมนี้เป็นการบ้านแทนได้ และสามารถดูหัวข้อการเขียนเพิ่มเติมจากหัวข้อ Composition Titles ท้ายเล่ม
- หลังเสร็จกิจกรรม ให้นักเรียนนำจดหมายที่ตนเขียนให้เพื่อนช่วยตรวจ (peer review) หลังจากนั้นนำส่งครู จากนั้นครูควรตรวจและเลือกจดหมายที่เขียนได้ดีมาจัดแสดงบนกระดานหน้าชั้นเรียนเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนพยายามเขียนงานเขียนที่มีประสิทธิภาพ
Extra Link
- ครูควรกระตุ้นให้นักเรียนขบคิดเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ และแนวทางการแก้ไขปัญหา (ทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนและที่บ้าน) โดยให้นักเรียนแสดงละครใบ้แบบสั้น แล้วให้เพื่อนในชั้นเรียนลองเดาว่าเพื่อนแต่ละคนมีปัญหาสุขภาพอะไรและมีแนวทางแก้ไขอย่างไร ตัวอย่างเช่น ปัญหาสุขภาพ คือ อาการปวดหัว นักเรียนคนดังกล่าวต้องแสดงสีหน้าท่าทางว่ามีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงหลังจากนั่งเรียนในห้องเรียนติดต่อ 4 ชั่วโมง จากนั้นตัวละครใบ้ทำท่ากินยาเพื่อแก้ปวดหัว แล้วให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนร่วมกันคาดเดาว่านักเรียนคนดังกล่าวป่วยเป็นอะไร วิธีการนี้จะช่วยเพิ่มพูนคำศัพท์ที่ใช้พรรณนาแก่นักเรียน โดยนักเรียนบางคนอาจไม่รู้คำศัพท์ทุกคำที่ต้องการใช้ ดังนั้นครูควรแนะนำให้นักเรียนค้นหาคำศัพท์ที่ต้องการจากพจนานุกรมได้

Teaching Link
- นักเรียนบางคนตระหนักว่า ถึงแม้ตนจะมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมที่เน้นการแสดงออกทางด้านร่างกาย แต่มักไม่ค่อยมีความสามารถโดดเด่นในด้านวิชาการมากนัก ดังนั้นครูจึงควรช่วยให้พวกเขาเข้าใจว่า นักเรียนแต่ละคนนั้นต่างมีความสามารถด้านอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนภาษาในห้องเรียนเช่นกัน และหากนักเรียนให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ตนเองทำได้ดีมากเท่าไหร่ นักเรียนก็จะยิ่งมีความมั่นใจในการฝึกฝนด้านอื่นๆ ให้ดีมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ครูควรกระตุ้นการเสริมสร้างในทางบวกให้กับนักเรียนในทุกครั้งที่มีกิจกรรมการเรียนการสอน เช่น หากนักเรียนบางคนเขียนงานเขียนได้ไม่ดี ให้ครูกล่าวชมความสามารถด้านอื่นแทน เช่น อาจกล่าวชมด้านการนำเสนอหรือแนวทางความคิดในงานเขียน ว่ามีความน่าสนใจ เป็นต้น หลังจากนั้นครูจึงเริ่มให้คำแนะนำในการแก้ไขจุดบกพร่องด้านเทคนิคการเขียน ซึ่งจะทำให้นักเรียนไม่รู้สึกสูญเสียกำลังใจในการทำงานหรือในความพยายามของนักเรียนเอง

         11.5  ขั้นสรุป (Wrap up)
              - ครูอาจเลือกใช้ขั้นสรุปวิธีใดวิธีหนึ่งหรือทั้ง 2 วิธีดังนี้
                 วิธีที่ 1  ครูนำเสนอคำถามสำคัญบนกระดาน นำนักเรียนอ่านและทำความเข้าใจคำถาม
                 1)  นักเรียนช่วยกันตอบคำถามจากความเข้าใจและความทรงจำ
                 2)  นักเรียนเปิดหนังสือเรียนเพื่อศึกษาเพิ่มเติมและตรวจสอบความแม่นยำอีกครั้ง
                 3) ครูช่วยเสริม เพิ่มเติม และสรุป
                 4) นักเรียนบันทึกลงสมุดเป็นการบ้านเพื่อไว้อ้างอิงและทบทวนความรู้
                 วิธีที่ 2  ครูให้นักเรียนเขียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากสิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติได้ลงสมุด พร้อมทั้งเขียน
                 คำศัพท์ใหม่ลงในสมุดจดคำศัพท์ของตนเอง ครูอาจทบทวนคำศัพท์และโครงสร้างทางไวยากรณ์
                 ที่นักเรียนเข้าใจยังไม่ชัดเจนก่อนเรียนบทต่อไป


  12. กิจกรรมเสนอแนะ  และข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับครู

       -  ให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือแบบฝึกหัด BRIDGE Workbook 5 Unit 5
       -  ให้นักเรียนฝึกการเขียนเพิ่มเติมโดยเลือกหัวข้อจาก Composition Exercises ดังนี้
(1) สมมติว่าเพื่อนของนักเรียนย้ายไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกาและเขา/เธอรับประทานอาหารจานด่วนมากเกินไป ให้นักเรียนเขียนจดหมายให้คำแนะนำเกี่ยวกับอาหารเพื่อสุขภาพหรืออาหารที่เพื่อนของนักเรียนควรรับประทาน (120 140 คำ)
(2) สมมติว่าเพื่อนของนักเรียนต้องการจะพัฒนาความสมบูรณ์ของร่างกายเพราะเขา/เธอจะไปเล่นสกีในเดือนหน้า ให้นักเรียนเขียนจดหมายถึงเพื่อนโดยให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่เขา/เธอควรทำ
(120 140 คำ)
       -  ครูอาจให้นักเรียนทำโครงงานดังนี้
             Project Work: Fitness Programs
- ให้นักเรียนจับคู่ทำกิจกรรม โดยนักเรียนคนหนึ่งสวมบทบาทเป็นคนที่ต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิตหรืออาหารการกิน หรือการทำให้ร่างกายแข็งแรง ในขณะที่นักเรียนอีกคนหนึ่งสวมบทบาทเป็นผู้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสุขภาพ โดยครูจะเป็นผู้กำหนดว่าคู่ของนักเรียนจะได้รับการ์ดสถานการณ์ใด
- ให้นักเรียนอ่านแผ่นสถานการณ์ที่ได้รับกับคู่ของตน และแต่งบทสนทนา จากนั้นฝึกฝนบทสนทนาและออกไปแสดงหน้าชั้นเรียน โดยในบทสนทนาให้คำแนะนำนั้น นักเรียนควรมีข้อมูลเกี่ยวกับอาหาร การออกกำลังกาย และนิสัยบางอย่างที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง

แผ่นสถานการณ์ที่ 1
ซูซานเป็นพยาบาลอายุ 25 ปี ทำงานในโรงพยาบาลท้องถิ่น เธอเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองและไม่รู้จักใครมากนัก เธอทำงานเป็นกะ ซึ่งหมายความว่า บางครั้งเธอต้องทำงานตอนกลางวัน และบางครั้งเธอต้องทำงานตอนกลางคืน เธอทำงานหาเงินได้ไม่มากนัก

แผ่นสถานการณ์ที่ 2
เดวิดเป็นผู้จัดการโรงงานอายุ 45 ปี เขาสูบบุหรี่วันละ 1 ซอง และมีน้ำหนักตัวเกินจากน้ำหนักมาตรฐานเล็กน้อย แพทย์ให้เขาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพราะเขาอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ

แผ่นสถานการณ์ที่ 3
มาร์คเป็นชายแก่ซึ่งเป็นโรคหัวใจ แต่เขาอาการดีขึ้นแล้ว แพทย์บอกให้เขาระมัดระวังเกี่ยวกับสิ่งที่เขารับประทานและเขาควรจะออกกำลังกายแบบเบาๆ

แผ่นสถานการณ์ที่ 4
เจนนี่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เธออาศัยไกลจากบ้านและพบว่าการทำอาหารรับประทานด้วยตนเองนั้นเป็นเรื่องยาก เธอมักจะกินอาหารจานด่วนหรืออาหารขยะ เพราะมันรวดเร็วและสะดวก เธอสังเกตว่าตัวเองกำลังมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น

แผ่นสถานการณ์ที่5
เจมส์อายุ 36 ปี ทำงานในสำนักงานแห่งหนึ่ง เขาใช้เวลาส่วนมากในการนั่งทำงาน และต้องทำงานหลายชั่วโมง เขามีภรรยาและลูกเล็กๆ 2 คน

แผ่นสถานการณ์ที่ 6
เฮเลนอายุ 29 ปี เธอเพิ่งจะมีลูกคนแรก และรู้สึกเหนื่อยและอ่อนเพลีย เธอมีน้ำหนักเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐาน และไม่มีเวลาทำอาหารให้ตัวเองหรือสามีรับประทาน แม่ของเธออาศัยอยู่ห่างจากบ้านของเธอประมาณ 5 นาที
         
                Project Link
นักเรียนมักชอบที่จะได้ทำกิจกรรมลักษณะนี้ เพราะนักเรียนจะรู้สึกสนุกสนานกับการให้คำแนะนำซึ่งกันและกัน ครูควรให้เวลานักเรียนมากเพียงพอในการเตรียมตัวในสถานการณ์ที่ตนได้รับมอบหมาย และเดินไปรอบๆ ห้องเรียนเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านคำศัพท์แก่นักเรียนเมื่อจำเป็น

  13. ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย

……………………………………………………………………………………………………………….……..…
…………………………………………………………………………………………………………………….…..
………………………………………………………………………………………………………………………...
………………………………………………………………………………………………………………………...
        
                                                                             ลงชื่อ.………………………………………………
                                                                                  (                                                     )
                                                                        ตำแหน่ง………………………………………………..

  14. บันทึกผลการจัดการเรียนรู้/ปัญหาอุปสรรค/ข้อเสนอแนะ/แนวทางการปรับปรุง

……………………………………………………………………………………………………………….……..…
…………………………………………………………………………………………………………………….…..
………………………………………………………………………………………………………………………...
………………………………………………………………………………………………………………………...

                                                                             ลงชื่อ.………………………………………………
                                                                                  (                                                     )

                                                                        ตำแหน่ง………………………………………………..